วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Virus


varicella-zoster virus (VZV)

Herpes zoster โรคงูสวัด
โรคงูสวัดเป็นโรคผิวหนังเกิดจากกลับติดเชื้อซ้ำของเชื้องูสวัดที่เรียกว่า varicella-zoster virus (VZV) ซึ่งเป็นเชื้อที่อยู่ในร่างกายทำให้เกิดตุ่มพองที่ผิวหนัง ปวดแสบร้อนมาก

สาเหตุโรคงูสวัด                                                                                                                                                                       งูสวัดเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า Hepes Varicella Zoster เป็นชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคไข้สุกใส ผู้ที่เป็นโรคไข้สุกใสมาก่อนจะยังคงมีเชื้อไวรัสนี้ที่ปมประสาทสันหลัง ซึ่งเมื่อร่างกายอ่อนแปเชื้อสามารถสร้างเพิ่มจำนวน ทำให้เกิดโรคงูสวัดได้ แต่จะเกิดเฉพาะแนวประสาท ไม่ลุกลามกระจายออกไปเพราะร่างกายมีภูมิต้านทานต่อเชื้ออยู่แล้ว แนวเส้นประสาทที่พบบ่อยได้แก่ บริเวณเอว ก้นกบ ตา ใบหน้า ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เช่นผู้สูงอายุ หรือจากโรคเช่น เอดส์ การรับประทานยา steroid จะมีโอกาสที่จะเกิดโรคงูสวัดสูง

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคงูสวัด                                                                                                                                                   จากการสำรวจพบว่าผู้ใหญ่ร้อยละ 90 จะมีภูมิต่อเชื้องูสวัด ดังนั้นกลุมคนเหล่านี้ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นงูสวัดประมาณ 1.5-3 ต่อประชากร 1000 คน ผู้ที่อายุมาก มะเร็ง หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิ ผู้ที่เปลี่ยนถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยเหล่านี้จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคงูสวัด 


 ตำแหน่งที่เกิดโรคงูสวัด
พบว่าตำแหน่งที่เกิดโรคงูสวัดพบได้บ่อย 3 ตำแหน่งได้แก่
·       ตามแนวเส้นประสาทไขสันหลัง ระหว่างรากประสาททรวงอกเส้นที่3ถึงระดับเอวข้อที่3( spinal root between T3 and L3)
·       ตามแนวเส้นประสาทสมองคู่ที่5 อาจจะทำให้เกิดตาบอดเรียกZoster ophthalmicus
·       ตามเส้นประสาทสมองคู่ที่7 ทำให้มีอาการปากเบี้ยวครึ่งซีกเรียก Ramsay Hunt syndrome

อาการโรคงูสวัด
·       จะมีอาการปวดตามตัวก่อนมีผื่น 2-3 วัน
·       มักจะไม่มีไข้อาจจะมีไข้ต่ำๆ ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดศีรษะ
·       ต่อมาจะมีอาการทางผิวหนัง อาจจะแค่คันผิวหนัง บางคนปวดแสบปวดร้อน บางคนเสียวที่ผิวหนัง สำหรับคนที่เป็นที่ใบหน้าจะมีอาการปวดศีรษะ เห็นแสงจ้าไม่ได้
·       ต่อมาอีก 1-5 วันจะมีผื่นแดงอยู่เป็นกลุ่ม ต่อมาเป็นตุมน้ำใส มักจะขึ้นอยู่ซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย ตามเส้นประสาทที่เป็นโรค ตุ่มน้ำใสจะคงอยู่ประมาณ5 วันต่อมาผื่นจะตกสะเก็ดและหายไปใน2-3สัปดาห์ และอาจจะทิ้งรอยแผลเป็น ผู้ป่วยที่มีภูมิอ่อนแรงเช่น โรคมะเร็ง โรคเอดส์ ผู้ที่ได้รับยากดภูมิ จะเป็นโรคนี้ได้บ่อย และเป็นรุนแรง


ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคงูสวัด
·       เคยเป็นโรคไข้สุกใสมาก่อน
·       อายุมาก
·       เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
·       มีความเครียดทางอารมณ์
·       ได้รับอุบัติเหตุ

การวินิจฉัยโรคงูสวัด
·       ทำได้จากประวัติการเจ็บป่วย ลักษณะของผื่น แต่ผู้ป่วยบางคนลักษณะผื่น และตำแหน่งไม่เหมือนงูสวัดจึงจำเป็นต้องตรวจวินิจฉัยเพิ่ม ได้แก่การเพาะเชื้อไวรัส การย้อมด้วยวิธี Direct immunofluorescence assay
·       Tzanck smear นำเอาน้ำที่ก้นแผลมาย้อมจะพบเซลล์ตัวใหญ่ผิดปรกติ

โรคนี้จะติดต่อหรือไม่?
เชื้อไวรัสที่อยู่ในผื่นสามารถติดต่อโดยการสัมผัส สำหรับผู้ที่ไม่เคยเป็นไขสุกใสมาก่อนก็อาจจะกลายเป็นไข้สุกใส สำหรับคนที่เป็นไข้สุกใสแล้วก็จะมีโอกาสเป็นงูสวัดเพิ่มมากขึ้น


โรคแทรกซ้อนที่สำคัญของงูสวัด
·       มีอาการปวดเส้นประสาท Postherpetic neuralgia ซึ่งเป็นโรคแทรกซ้อนที่พบบ่อยที่สุด
·       เยื่อหุ้มสมองและสมองอักเสบ อาการที่สำคัญได้แก่ meningoencephalitis
o  ปวดศีรษะ
o  ไข้
o  มองแสงจ้าไม่ได้
o  คอแข็ง
o  อาเจียน
·       ประสาทไขสันหลังอักเสบ
·       หลอดเลือดอักเสบ.
·       อาจจะทำให้ปอดอักเสบ ตับอักเสบในรายที่เป็นมะเร็ง
·       งูสวัดเข้าตาซึ่งอาจจะทำให้ตาบอด

·       ปากเบี้ยว


ลักษณะผื่นของงูสวัด


งูสวัดที่เป็นบริเวณลำตัว


งูสวัดที่เส้นประสาทคู่ที่5


ตุ่มน้ำของงูสวัดเส้นประสาทคู่ที่7


ภาพแสดงผื่นที่เริ่มหายตกสะเก็ด

การป้องกัน
การป้องกันโรคงูสวัดคือ หลีกเลี่ยงสัมผัสผื่นและตุ่มโรคของผู้ป่วย โดยเฉพาะเมื่อไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส หรือไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน
บางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แนะนำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด (วัคซีนคนละชนิดกับป้องกันโรคอีสุกอีใส แต่เป็นวัคซีนที่ยังไม่แพร่หลาย) ในผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ในประเทศเรา เมื่อสนใจวัคซีนตัวนี้ควรปรึกษาแพทย์






อ้างอิง
1. Braunwald, E., Fauci, A., Kasper, L., Hauser, S., Longo, D., and Jameson, J. (2001). Harrison’s principles of internal medicine (15th ed.). New York: McGraw-Hill.
2. Herpes Zoster. http://en.wikipedia.org/wiki/herpes_zoster [2014,Sept 20]




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น